สถาบันวิจัยดาศาสตร์แห่งชาติ ชี้แจงกรณี แสงสีเขียว และเสียงระเบิดดังสนั่น ไม่พบผู้บาดเจ็บและได้รับอันตราย ย้ำชัดเรื่องนี้วิทยาศาสตร์อธิบายได้ หลังคนสงสัยใช่อุกกาบาตหรือไม่ แสงสีเขียวเชียงใหม่ – เหตุการณ์เกิดขึ้น วานนี้ (22 มิ.ย.64) บริเวณจังหวัดทางภาคเหนือของไทย ลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง ฯลฯ มีผู้พบเห็น แสงสีเขียว สว่างวาบบนท้องฟ้า สีฟ้าอมเขียว หลังจากนั้นได้ยิน เสียงระเบิด ดังสนั่นพร้อมกันในหลายพื้นที่ ทำเอาผู้คนในโลกโซเชียลแตกตื่นพร้อมตั้งคำถามถึงวัตถุดังกล่าวว่าเป็นอุกกาบาตหรือไม่จน #เชียงใหม่ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ตลอดทั้งคืน
ล่าสุด สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ออกชี้แจงวันนี้ (23 มิ.ย.64) ระบุ เป็นเหตุการณ์ที่อธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ เบื้องต้นคาดเป็น ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปกติดาวตกส่วนมากที่ตกลงมาจะไหม้หมดไปในชั้นบรรยากาศ และบางครั้งอาจจะแผ่คลื่นเสียงกระแทก (sonic boom) สอดคล้องกับรายงานที่พบเห็น
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวัตถุดังกล่าวนั้นจะตกลงมาถึงพื้นโลกเป็นอุกกาบาตหรือไม่ จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีอุกกาบาตเพียงไม่กี่ชิ้นที่มนุษย์สามารถเก็บขึ้นมาได้หลังจากมีผู้พบเห็นเป็นดาวตกอยู่บนท้องฟ้า
ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาความแตกแยก ความขัดแย้ง รวมไปถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทั่วโลกต่างกำลังเร่งหาทางแก้ปัญหาดังกล่าว และ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหันหน้าเข้าหากันและร่วมมือกัน โดยไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการรับมือกับสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ
พลเอก ประยุทธ์ ยังได้กล่าวอีกว่าเขาตั้งตารอที่จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับนายไบเดน และรัฐบาลของเขา เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันที่ครอบคลุมหลากหลายมิติในทุกระดับ พร้อมอวยพรให้นาย ไบเดน มีสุขภาพที่ดีและประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจสำคัญทุกประการที่รออยู่เบื้องหน้า
อาจารย์หมอโรคติดเชื้อ มหิดล เตือน กลั้นปัสสาวะ อาจเสี่ยง ติดเชื้อในกระแสเลือด
นอกจากโรคติดเชื้อ COVID-19 ที่กำลังเฝ้าระวังกันอย่างยิ่งในปัจจุบัน ปัญหาการติดเชื้อในกระแสเลือด ก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต โดยเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย เพียงการ กลั้นปัสสาวะ ก็อาจทำให้เกิดการ ติดเชื้อในกระแสเลือด ได้
อาจารย์ แพทย์หญิงรพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือด กล่าวว่า
การติดเชื้อในกระแสเลือดจากการกลั้นปัสสาวะ ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิง เนื่องจากมีทางเดินปัสสาวะที่สั้นกว่าผู้ชาย จึงทำให้เชื้อจากภายนอกเข้าสู่ภายในร่างกายได้ง่ายกว่า ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานจนเกิดความผิดปกติ และไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้
อาการที่มักพบในผู้ป่วยที่กลั้นปัสสาวะจนเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จะเริ่มต้นจากการปวดปัสสาวะบ่อย มีความรู้สึกเหมือนอยากเข้าห้องน้ำอยู่ตลอดเวลา ปัสสาวะขุ่น หรือเปลี่ยนสี มีกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ อาจมีอาการปวดท้องน้อย และปวดลามมาถึงบริเวณหลัง มีไข้หนาวสั่น และอ่อนเพลีย
สำหรับการรักษา ทางโรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยรับผู้ป่วยจากห้องฉุกเฉิน เพื่อคัดกรองดูภาวะการเสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด จากนั้นจะจัดให้ผู้ป่วยที่มีภาวะซึ่งสงสัยว่าอาจมีการติดเชื้อในกระแสเลือดอยู่ในโซนสีแดง เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และให้ยาฆ่าเชื้อได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ เพื่อการส่งเสริมให้การรักษาภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่ผ่านมา สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการศึกษาวิจัยวิเคราะห์เชื้อในกระแส
เลือด เพื่อดูผลของการให้ยาที่ถูกต้อง และเกิดประสิทธิผลมากที่สุด
ซึ่งจะเป็นการรักษาที่ตรงจุดกว่าการให้ยาแบบครอบคลุมทุกโรค รวมทั้งยังมีการศึกษาวิจัยเพื่อยับยั้งสาเหตุที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เพื่อการเฝ้าระวังอย่างครบวงจรอีกด้วย
ในอนาคตคาดว่าจะมีการต่อยอดการศึกษาวิจัยเพื่อติดตามผลการรักษา โดยดูความรวดเร็วในการเพาะเชื้อ การแพ้ยา การดื้อยา รวมทั้งวิเคราะห์ด้วยว่า เชื้อโรคที่ก่อให้เกิดภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือดในแต่ละปี และในแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อแพทย์จะได้ให้การรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมมากที่สุด
อาจารย์ แพทย์หญิงรพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ทุกคนสามารถห่างไกลจากภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ด้วยการพยายามทำร่างกายตัวเองให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญ หากสังเกตุพบอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป